แชร์

คู่มือในการเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์

อัพเดทล่าสุด: 12 พ.ย. 2024
คู่มือในการเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์

สมาร์ทวอทช์ ไม่ใช่แค่เพียงนาฬิกาที่บอกเวลา แต่เป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีเข้ามา เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดตามสุขภาพ การแจ้งเตือนต่างๆ หรือการควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ รอบตัว การเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์สักเรือนจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้ได้นาฬิกาที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด

ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์

1.หน้าจอ ในตอนนี้จะมีอยู่2 แบบ

หน้าจอ TFT (Thin-Film Transistor) ข้อดี ราคาประหยัด: เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชันพื้นฐาน ข้อเสีย สีสัน: สีสันอาจไม่สดใสเท่า AMOLED มุมมองในการมอง: มุมมองในการมองอาจจำกัด ทำให้สีเพี้ยนเมื่อมองจากมุมที่ต่างกัน ความคมชัด: ความคมชัดอาจสู้ AMOLED ไม่ได้

หน้าจอ AMOLED (Active-Matrix Organic Light-Emitting Diode)  ข้อดี: สีสันสดใส: สีสันคมชัด ตัดกันชัดเจน มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่แสงน้อย มุมมองในการมอง: มุมมองกว้าง มองเห็นได้ชัดเจนจากทุกมุม Always-on Display: บางรุ่นรองรับการแสดงผลตลอดเวลา โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ ข้อเสีย: ราคาสูง: มีราคาสูงกว่าหน้าจอ TFT

1.2 ความละเอียดหน้าจอ คือ จำนวนพิกเซลที่บรรจุอยู่ในหน้าจอ ซึ่งมีผลต่อความคมชัดของภาพที่แสดงผล ยิ่งความละเอียดสูง ภาพก็จะยิ่งคมชัดและรายละเอียดมากขึ้น

ทำไมความละเอียดหน้าจอถึงสำคัญสำหรับสมาร์ทวอทช์?

ความคมชัดของตัวอักษรและไอคอน: ความละเอียดสูงจะทำให้ตัวอักษรและไอคอนคมชัด อ่านง่ายขึ้น

การแสดงผลภาพ: ภาพกราฟิกหรือรูปภาพจะดูคมชัดและสวยงามขึ้น 

ประสบการณ์การใช้งาน: หน้าจอที่มีความละเอียดสูงจะให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น

1.3ppi (Pixels Per Inch) หรือ จำนวนพิกเซลต่อนิ้ว เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความละเอียดของหน้าจอ โดยยิ่งค่า PPI สูง แสดงว่าหน้าจอนั้นมีความละเอียดมากขึ้น ภาพที่แสดงผลก็จะยิ่งคมชัดและรายละเอียดมากขึ้นตามไปด้วย

1.4 Nits หรือ แคนเดลาต่อตารางเมตร (cd/m²) คือหน่วยวัดความสว่างของหน้าจอ โดยเปรียบเทียบง่ายๆ คือ ค่า Nits ยิ่งสูง หน้าจอก็จะยิ่งสว่างมากขึ้นนั่นเอง

1.5 Refresh Rate หรือ อัตราการรีเฟรช ของหน้าจอสมาร์ทวอทช์นั้น หมายถึงจำนวนครั้งที่หน้าจอสามารถปรับปรุงภาพใหม่ได้ในหนึ่งวินาที โดยวัดเป็นหน่วย Hertz (Hz) ยิ่งค่า Refresh Rate สูง ภาพที่แสดงบนหน้าจอก็จะยิ่งลื่นไหลและต่อเนื่องมากขึ้น

2.หน่วยประมวลผล cpu 

หน่วยประมวลผลกลาง คือส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่ง เปรียบเสมือนสมองที่ควบคุมการทำงานทุกอย่างของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลบนหน้าจอ การประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ หรือการตอบสนองต่อคำสั่งของคุณ โดย cpu ที่เราจะแนะนำคือ Dual-core เพื่อให้นาฬิกาทำงานได้ลื่นไหล

3.การกันน้ำ

มาตรฐานการกันน้ำของสมาร์ทวอทช์ เป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงความสามารถในการต้านทานน้ำของอุปกรณ์ ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าของคุณจะไม่เสียหายจากน้ำ หากคุณต้องการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น เช่น ล้างมือ อาบน้ำ หรือว่ายน้ำ

ATM (Atmosphere): หน่วยนี้บ่งบอกถึงความดันของน้ำที่สมาร์ทวอทช์สามารถทนได้ ซึ่งเทียบเท่ากับความลึกใต้น้ำ ยิ่งค่า ATM สูง แสดงว่านาฬิกาสามารถกันน้ำได้ลึกมากขึ้น

4.แบตเตอรี่

เป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ทวอทช์ ทำหน้าที่จ่ายพลังงานให้กับวงจรอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ภายในตัวเครื่อง เพื่อให้สมาร์ทวอทช์สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลบนหน้าจอ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือการแจ้งเตือนต่างๆ เราควรจะเลือกตัวที่ใช้งานได้นานๆๆ

5.gps

สมาร์ทวอทช์ที่ติดตั้ง GPS จะมีตัวรับสัญญาณ GPS อยู่ภายใน เมื่อเปิดใช้งาน GPS ตัวรับสัญญาณจะรับสัญญาณจากดาวเทียม GPS หลายดวง เพื่อคำนวณตำแหน่งที่ตั้งของคุณอย่างแม่นยำ

6.ฟังชั่นต่างๆๆ

Bluetooth Calling ช่วยให้โทรศัพท์ผ่านนาฬิกาได้ สามารถรับสาย, วางสาย, ปฏิเสธได้บนหน้าจอนาฬิกา

ตรวจวัดในเรื่องของสุขภาพ ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด ติดตามการนอนหลับ

แนะนำสมาร์ทวอทช์ที่น่าใช้ของ mibro

1.Mibro Watch GS Pro

เป็นรุ่นที่เหมาะกับการออกไปแคมป์ปิ้ง หรือการเดินป่าอย่างมาก ตัวขอบหน้าปัด Stainless Steel 316L สุดยอดวัสดุระดับ High-End มีความแข็งแรงที่สูง ทนการกัดกร่อนได้ดีกว่า และไม่เป็นสนิม หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ใหญ่เต็มตา คมชัดทุกมุมมอง ความละเอียดหน้าจอ 466 x 466p มาพร้อมค่า PPI ที่สูงถึง 461

 

 

ลื่นไหลทุกการสัมผัส ด้วยค่า Refresh rate ถึง 60hz อัพเกรดเรื่องความสว่างหน้าจอ ช่วยให้สู้แสงได้ดีมากยิ่งขึ้น Always-On Display ดูเวลาง่าย พร้อมหน้าปัดให้เลือกเยอะ Auto Light Sensor เซนเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติ ใช้งานสะดวกขึ้น cpu Dual-Core 2 in 1 พร้อมฝังชิป Bluetooth 5.3 มาให้ในตัว อัพเกรด GPS ถึง 5 เครือข่าย มีความรวดเร็ว, แม่นยำ และเสถียรมากขึ้น สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ด้วยเซนเซอร์ตรวจวัด Altitude & Barometer สามารถวัดความดันอากาศ และวัดความสูงเหนือระดับน้ําทะเลได้

แม่นยำกว่าด้วย 9-Axis เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว 9 แกน ใช้เซนเซอร์ BOSCH BMI270A + Memsic geomagnetic สามารถใช้งานในชีวิตชีวิตประจำวันได้นานสุด 20 วัน ตัวผลิตภัณฑ์สินค้ารับประกัน 1 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด โดยเป็นความเสียหายที่เกิดจากการผลิตและไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานที่ผิดประเภท

Mibro Watch Lite 3 Pro

คมชัดไปอีกขั้น ด้วยหน้าจอที่ถูกอัพเกรดความละเอียดให้สูงมากกว่าเดิม AMOLED 1.32 นิ้ว ความละเอียด 466x466 Pixels ค่าเม็ดสี 353 PPi ความลื่นไหลหน้าจอแบบ 60fps แสดงสีของภาพได้กว้างถึง 16.77 ล้านสี หน้าจอที่สามารถลดรอยนิ้วมือถือเป็นอย่างดี พร้อมขอบจอแบบ 115° รองรับการใช้งาน Alway-on Display และสามารถตั้งค่าการใช้งานได้ ความสว่างหน้าจอ 1000Nits พร้อมเซนเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติ

 

 

ตัวเรือน Zinc Alloy ขัดเงา พร้อมเคลือบเซรามิกเพิ่มความมันวาว ขึ้นรูปตัวเรือนด้วยวิธีการ CNC ที่นานกว่า 10 ชั่วโมง ขัดเงาด้วยมือนานกว่า 30 นาที / เรือน มาพร้อมสายนาฬิกาถึง 2 แบบ ด้วยสายหนัง และสายซิลิโคน อัพเกรดให้สุดยิ่งกว่า ด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ให้มาสูงสุดถึง 10 แกน  เต็มที่ไปกับทุกกิจกรรม ด้วยมาตรฐานการกันน้ำที่สูงถึง 5ATM (50 เมตร) ติดตั้ง NFC มาให้บนนาฬิกา บันทึกบัตรปลดล็อกประตูได้ถึง 3 ใบ มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจวัดความสูงเหนือระดับน้ำทะเล และความดันบรรยากาศ

ตัวผลิตภัณฑ์สินค้ารับประกัน 1 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด โดยเป็นความเสียหายที่เกิดจากการผลิตและไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานที่ผิดประเภท

Mibro Watch Lite 3

เป็นตัวใหม่ที่เพื่งมาใหม่ล่าสุดเลยนะครับที่มีให้เลือกสองสี ดำและโรสโกลด์ ที่เปิดตัวในราคาไม่แพงแค่ 2190 บาท เท่านั้น ด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 Pixels พร้อมค่า Refresh rate 60fps และแสดงสีสันได้ถึง 16.77 ล้านสี

 

 

รองรับการใช้งานการแสดงหน้าจอ Always-On Display ชิปเซ็ต Dual-Core 2 in 1 ที่มาพร้อมชิป GPU แบบ 2.5D เพื่อประสิทธิภาพในการแสดงกราฟิกที่ลื่นไหล และหยัดพลังงานกว่า รองรับ Bluetooth Calling ช่วยให้สามารถโทรศัพท์ผ่านนาฬิกาได้ สามารถรับสาย, วางสาย, ปฏิเสธสาย และเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อ ดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมการดูค่าต่างๆได้แบบ Real Time

รองรับการแจ้งเตือนบนหน้าจอ เมื่อนาฬิกาตรวจพบการผิดปกติ ใช้งานได้กับการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด , อัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงการตรวจวัดความเครียด และการฝึกกำหนดลมหายใจ 100 โหมดกีฬา รองรับการออกกำลังกายที่หลากหลาย และครบถ้วน มาตรฐานการกันน้ำ 2ATM สามารถใส่ล้างมือ หรือลุยฝนได้ ระบบตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ รองรับการเดิน และการวิ่ง ใช้งานทั่วไป (ต่อแอปฯ) สามารถใช้งานได้นานสุดที่ 12 วัน

Mibro Watch C4

เป็นตัวสุดประหยัดที่สุดของ Mibro ที่เพิ่งเปิดตัวขึ้นโดยมีหน้าจอใหญ่เต็มตา ด้วยหน้าจอที่มีขนาดถึง 2.01 นิ้ว ลื่นไหลระดับ 60Hz ขอบหน้าจอบาง พร้อมพื้นที่หน้าจอที่มากถึง 81.7% เบาบางกว่า น้ำหนักตัวเรือนเพียง 29 กรัม และบางเพียง 9.8 มิลลิเมตร รองรับ Bluetooth Calling ช่วยให้สามารถโทรศัพท์ผ่านนาฬิกาได้ สามารถรับสาย, วางสาย, ปฏิเสธสาย และเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อ

ดูแลสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมการดูค่าต่างๆได้แบบ Real Time รองรับการแจ้งเตือนบนหน้าจอ เมื่อนาฬิกาตรวจพบการผิดปกติ ใช้งานได้กับการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด , อัตราการเต้นของหัวใจ

รวมถึงการตรวจวัดความเครียด และการฝึกกำหนดลมหายใจ ไม่พลาดทุกการแจ้งเตือน ด้วยการแจ้งเตือน และข้อความจากแอปฯ 100 โหมดกีฬา รองรับการออกกำลังกายที่หลากหลาย และครบถ้วน มาตรฐานการกันน้ำ 2ATM สามารถใส่ล้างมือ หรือลุยฝนได้ ใช้งานทั่วไป (ต่อแอปฯ) สามารถใช้งานได้นานสุดที่ 10 วัน


สรุป การเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์ ควรพิจารณาจากความต้องการใช้งานส่วนบุคคล เช่น การออกกำลังกาย การติดตามสุขภาพ หรือการใช้งานทั่วไป

บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy